การวัดและประเมินผลในสถานศึกษา
ในงานกวดวิชาทั้งหมดของในสถาบันกวดวิชานั้นเรียกได้ว่า ไม่มีการวัดและประเมินผลเพื่อจบหลักสูตรใดๆ แต่การเรียนโดยทั่วไปก็จำเป็นต้องมีระยะเวลากำหนดไว้เป็นเครื่องวัดผล ผู้ที่ใช้เวลาเพื่อการเรียนรู้เรื่องใดเรื่องหนึ่งนานเกินไป สรุปได้ว่า เรียนรู้ได้ไม่ดีเท่ากับคนอื่น ระยะเวลาทั้งหมดของการเรียนจึงมีความสำคัญมาก
ในสถานศึกษาจึงต้องมีวิธีเพื่อควบคุมคุณภาพของการเรียนให้ได้ผลที่เป็นมาตรฐาน โดยมีเวลาเป็นเงื่อนไขให้เป็นที่ยอมรับในสังคมทั่วไป นั่นคือการวัดและประเมินผลการเรียนนี้เอง นักเรียนในระดับประถมศึกษาปีที่ 6 และนักเรียนในระดับมัธยมศึกษาปีที่ 3 จะต้องมีการสอบ O-Net เพื่อสำเร็จการศึกษาตามระดับชั้น ตัวอย่าง เช่น การวัดและประเมินผลการเรียน คะแนนเฉลี่ยจากการสอบ O-Net ของนักเรียนในระดับชั้น ม.3 โรงเรียนโกสุมวิทยาสรรค์ อำเภอโกสุมพิสัย มีดังนี้
เอกสารอ้างอิงจาก สพม.26 เผยแพร่ที่
http://bigdata.ses26.go.th/public/index.php?name=onet&file=m3&op=shdetail&id=44012009&y=2563&gr=2&route=onet/m3
จากกราฟผลการสอบ O-Net คะแนนเฉลี่ยของแต่ละวิชาในระดับ ม.3 ของโรงเรียนโกสุมวิทยาสรรค์ แสดงให้เห็นว่านักเรียนส่วนใหญ่มีคะแนนน้อยมาก และหากคิดเป็นเกรดของแต่ละวิชา คือ เกรด 0 อยู่ 3 วิชา เกรด 1-2 อีก 1 วิชา ถือได้ว่านักเรียนในระดับ ม.ต้นทั้งหมด ในโรงเรียนมีผลการเรียนเฉลี่ยใน 4 วิชานี้ไม่ค่อยดีนัก หรือคิดเกรดเฉลี่ยของนักเรียนจากหน่วยการเรียนทั้งหมด 4 วิชาได้เกรดไม่ดี
ถ้าวิชาเรียนทั้งหมดมีอยู่ 4 วิชาข้างต้น นักเรียนที่ต้องการมีผลการเรียนที่ดี จำเป็นที่จะต้องทำคะแนนสอบในโรงเรียนให้ได้คะแนนมากที่สุดเท่าที่ทำได้ทั้ง 4 วิชานี้เพื่อผ่านเกณฑ์ ซึ่งทำให้ยากที่จะสำเร็จการศึกษาได้เนื่องจากมีเกรดเฉลี่ยสะสมอยู่น้อยจากการได้คะแนนเฉลี่ยอยู่น้อย
คะแนนสอบ O-Net ต้องนำมาคิดเกรดเฉลี่ยจากการสอบก่อน แล้วนำเกรดเฉลี่ยมารวมกันกับเกรดเฉลี่ยในโรงเรียนแล้วหารด้วย 2 เพื่อให้ได้ผลการเรียนทั้งหมด 4 วิชา จากอัตราส่วน 50 % + 50 % ตามข้อกำหนดของ O-Net ในปัจจุบัน
ในปัจจุบันการวัดและประเมินผลของโรงเรียนและ O-Net ตามความเป็นจริงนั้นมีอยู่ทั้งหมด 5 วิชา โดยมีวิชา สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรมรวมอยู่ด้วย คิดคะแนนเฉลี่ยของนักเรียนแต่ละคนจากระดับชั้นการศึกษาทั้งหมด 3 ระดับชั้นของทั้งประถมศึกษา ป.4-ป.6 และมัธยมต้น ม.1-ม.3 ทำให้ในที่สุดแล้วนักเรียน ป.6 และ ม.3 จะมีผลการเรียนเฉลี่ยผ่านเกณฑ์และจบหลักสูตรการศึกษาของสถานศึกษาได้จากเกรดและหน่วยการเรียนของวิชาอื่นช่วยดึงเกรดเฉลี่ยให้สูงขึ้น คือได้คะแนนมากจากวิชาอื่นที่มีหน่วยการเรียนมากของโรงเรียนช่วยไว้
อย่างไรก็ตาม ความจริงนี้ก็ยังไม่เพียงพอสำหรับใช้เป็นเครื่องวัดความรู้พื้นฐานและการสอบเข้าศึกษาต่อในระดับชั้นที่สูงขึ้นไปซึ่งเน้นหนักผลการเรียนของเพียง 4 วิชาดังกล่าวข้างต้นอยู่ดี เพราะการสอบ O-Net ยังมีสอบอยู่แค่ 5 วิชา ไม่ใช่สอบทั้งหมดทุกวิชาในโรงเรียนซึ่งมีทั้งหมดประมาณ 8 วิชาเพื่อให้ได้ผลการเรียนทั้งหมดจริงๆ อยู่เช่นกัน
จากข้อมูลกราฟข้างต้นยืนยันได้ชัดว่า นักเรียน ม.3 ส่วนใหญ่สอบ O-Net ตก 3 วิชาใน 4 ปีติดต่อกัน การให้ความสนใจ และตั้งใจเรียนของนักเรียนในทุกวิชา รวมถึงการเรียนกวดวิชาทุกวิชาจึงยังคงมีความจำเป็นและมีความสำคัญเป็นอย่างมากต่อนักเรียนส่วนใหญ่ในอำเภอโกสุมพิสัยอยู่อย่างแน่นอน และเนื่องจากคุณภาพของการเรียนการสอนในระดับชั้นหนึ่งย่อมส่งผลกับระดับชั้นอื่นที่เกี่ยวเนื่องกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การลงทุนทำธุรกิจในด้านกวดวิชานี้ก็เป็นการลงทุนที่ถูกทิศทางแล้ว เพราะเป็นธุรกิจที่ถูกกฎหมาย ช่วยเติมเต็มบางส่วนที่อาจขาดหายไป และต้องมีความต้องการใช้บริการของลูกค้าอยู่มาก ถือเป็นประโยชน์ต่อสังคมส่วนรวมอย่างแน่นอน นักเรียนต้องการเรียนพิเศษ กวดวิชาเพราะมีตัวเลขจากกราฟคะแนนเฉลี่ยผลการสอบ O-Net นี้ยืนยันความต้องการไว้ได้ชัดเจน
แต่การตอบสนองความต้องการนั้นคงต้องมีรายละเอียดมากมาย สถาบันกวดวิชา Tick-Lab ได้พัฒนากิจการของสถาบันกวดวิชาอย่างดีที่สุดและเต็มที่แล้ว ด้วยราคาที่ถูกมากเป็นตัวนำเสนอ คิดราคาค่าเรียนชั่วโมงละ 40-50 บาทเท่านั้น ผู้สนใจสมัครเรียนสามารถสมัครได้ทางออนไลน์ ยืนยันประสิทธิผลของการเรียนด้วยแนวทางการเรียนการสอนในทางปฏิบัติที่มีประสิทธิภาพ ติวเตอร์ที่ถูกเลือกมาทำหน้าที่สอนโดยบรรดาอาจารย์ในโรงเรียนในอำเภอโกสุมพิสัยและที่สำคัญคือสถาบันกวดวิชา Tick-Lab เป็นกิจการถูกกฎหมาย เป็นต้น
นักเรียนส่วนใหญ่ยังคงไม่มีการเรียนกวดวิชาหรือเรียนฟรีทางออนไลน์แต่อย่างใด ไม่มีใครสนใจจะรับผิดชอบผลของคะแนนสอบดังกล่าวนี้ โดยทั้งหมดต้องอ้างว่าขึ้นอยู่กับความตั้งใจเรียนของนักเรียนเองเป็นหลัก ทั้งที่ผลคะแนนบ่งบอกว่าคุณภาพของการเรียนการสอนไม่มีการพัฒนาที่ดีขึ้นในตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมาได้เช่นกัน
สาเหตุหลักคือผู้ปกครองของนักเรียนไม่ทราบข้อมูลนี้ทั่วถึงเท่าที่ควร ด้วยย่อมไม่มีผู้ปกครองนักเรียนคนไหนจะปล่อยให้ลูกหลานสอบตกหรือสอบได้คะแนนไม่ดีอย่างแน่นอน โดยเฉพาะถ้ารู้ผลสอบก่อนล่วงหน้าเป็นเวลานานถึงหนึ่งปีว่านักเรียนต้องได้ผลคะแนนสอบ O-Netไม่ดีอยู่แล้ว จากข้อมูลค่าแนวโน้มของกราฟในปีถ้ดไป
วิธีแก้ไขทางเดียว คือ ครูในโรงเรียนต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้ผู้ปกครองของนักเรียนในโรงเรียนทราบถึงผลคะแนนและความสำคัญ ของการสอบ admission เช่น O-Net เพื่อนักเรียนได้เตรียมตัวก่อนสอบให้ได้ผลคะแนนสอบที่เป็นมาตรฐาน ตามกฎเกณฑ์ที่วางไว้อย่างเป็นระบบที่มีอยู่เพื่อให้มีความรับผิดชอบในผลคะแนนสอบร่วมกัน ทั้งจากตัวนักเรียนเอง ครูในโรงเรียนและผู้ปกครองของนักเรียนทั้งหมดทุกคนอย่างมีประสิทธิภาพอย่างแท้จริง
สถาบันกวดวิชาเป็นทางเลือกหนึ่ง เพื่อการนี้
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น